บทที่1
แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่
แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่
เนื้อหา
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับข้อมูล สารสนเทศ ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ ความสำคัญ ประเภท คุณสมบัติของสารสนเทศ ตลอดทั้งแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
แนวคิด
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับความหมายของข้อมูล และสารสนเทศ เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ ความสำคัญ ประเภท และคุณสมบัติของสารสนเทศ อีกทั้งแหล่งของสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
2.เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจในความแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ
3.เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญประเภทของสารสนเทศ
4. เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
2.เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจในความแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ
3.เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญประเภทของสารสนเทศ
4. เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
กิจกรรมระหว่างเรียน
1.นิสิตต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากห้องสมุดด้วยตนเอง
2.จัดให้มีกิจกรรมกลุ่มในการวิเคราะห์กรณีศึกษาในชั้นเรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. นิสิตต้องทำรายงานประกอบการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูล และสารสนเทศคนละ 1 หัวข้อ
2.จัดให้มีกิจกรรมกลุ่มในการวิเคราะห์กรณีศึกษาในชั้นเรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. นิสิตต้องทำรายงานประกอบการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูล และสารสนเทศคนละ 1 หัวข้อ
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารสนเทศ
ด้วยปัจจุบันนี้เป็นยุคข้อมูล ข่าสาร และความรู้หรือบางคนอาจกล่าวว่าเป็นยุคของสังคมสารสนเทศนั่นเอง ที่มีการศึกษาค้นคว้า วิจัยและทดลองในสาขาวิชาต่างๆมากมาย ทำให้เกิดมีความต้องการใช้ ข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้ออำนวยให้เพิ่มปริมาณสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันหลาย ๆ คนอาจจะมีการเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนที่มีการแข่งขันทางด้านข้อมูลข่าวสารอย่างแท้จริง ผู้ที่สามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารจากทุกสารทิศได้มากที่สุดและรู้จักนำข้อมูลทั้งหลายเหล่านั้นมาประมวลผลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ว่าทางสังคมเศรษฐกิจ การศึกษาและธุรกิจต่างๆ ดังที่มีผู้กล่าวไว้ในเวปของไทยนิวส์ว่า“ในโลกยุคดิจิตอล หรือสังคมข่าวสาร ข้อมูลข่าวสารแทรกเข้าไปในชิวิตประจำวันของคน เราต้องรู้จักใช้ข่าวสารให้เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิตตนเอง แก่อาชีพของตน แก่ชุมชน แก่สังคมของตน ใช้ข่าวสาร ความรู้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ในสังคมข่าวสาร การที่จะมีพลังได้นั้น นอกจากมีอำนาจ เงินตราแล้ว ยังไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย ข้อมูลข่าวสารอย่างเดียวยังไม่พอ การแพ้ชนะอยู่ที่ใครจะแปลงข้อมูลข่าวสารเป็นความรู้ได้ดีกว่ากัน และใครจะใช้ความรู้นั้นได้เร็วกว่ากัน ข้อมูลข่าวสารเป็นอาหารทางสมอง ที่คนจะบริโภคตั้งแต่เช้าจนถึงก่อนนอน ใครควบคุมเครื่องมือและเครือข่ายข้อมูลข่าวสารได้ คนนั้นจะชนะ (วิเคราะห์ข่าว : วันวิเคราะห์ข่าวและสังคมข่าวสารโลก http://www.the-thainews.com/analized/inter/int070653_6.htm ค้นหา 15 มีนาคม 2554) ”
2.ความหมายของสารสนเทศ
สารสนเทศ หรือสารนิเทศ (Information) เป็นคำเดียวกันซึ่งสามารถให้ความหมายอย่างกว้างๆ ว่าหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความหมายในเชิงลึกว่า หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ผ่านการประมวลผล ซึ่งมีความหมายและสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน หรือการทำงานนั้นๆ
ชุติมา สัจจานันท์ (2530) ได้ชี้ให้เห็นว่าสารสนเทศ คือข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ข้อสนเทศ สารสนเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ และวัสดุย่อส่วน เพื่อใช้ประโยชน์ทางการสื่อสารและการพัฒนาด้านต่าง ๆ ทั้งส่วนบุคคลและสังคม
พิมพ์รำไพ เปรมสมิทธ์ (2538) ให้ความหมาของสารสนเทศว่าเป็นข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในสภาพในการนำไปใช้ประโยชน์กับผู้ใช้เฉพาะราย ซึ่งเป็นการจัดการเพื่อให้ผู้ได้รับมีการเพิ่มพูนความรู้
มาลี ล้ำสกุล (2549)ได้สรุปสารสนเทศ คือ ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้รูปแบบต่างๆที่มีการบันทึก ประมวลผล หรือดำเนินการด้วยวิธีใดๆและสามารถนำไปเผยแพร่และใช้ประโยชน์ทั้งในส่วนบุคคลและสังคม
ฉะนั้นสรุปได้ว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ได้มีการจัดการไม่ว่าจะเป็นการคิดคำนวณ ประมวลผลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ ได้มีการคัดเลือกสรรและนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการในการใช้งาน และทันเวลา
3. ความสำคัญของสารสนเทศ
สารสนเทศเป็นปัจจัยที่สำคัญในโลกปัจจุบันนี้ ทั้งนี้เพราะการกำหนดแนวทางพัฒนา นโยบายทางด้านการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์และสังคมเพื่อเสริมสร้างความรู้อันที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตทั้งด้านการงานนั้น อีกทั้งเป็นแนวทางในการแก้ไข ปัญหา ช่วยในการวางแผน และช่วยตัดสินใจ อย่างเช่นหากผู้ใดที่รู้จักใฝ่เรียนรู้และได้รับสารสนเทศที่ดี มีคุณค่า และมีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีชัยชนะเหนือผู้อื่น ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โดยเฉพาะการเข้าถึงสารสนเทศของยุคสังคมข่าวสารที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร ในการทำงานและการเรียนรู้นั้นจะมีการเข้าถึงสารสนเทศโดยระบบเครือข่าย การติดต่อสื่อสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดทั้งการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารบนระบบอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แพร่หลายในสังคมสารสนเทศที่เน้นคุณค่าของข้อมูล ข่าวสาร มีการจัดเก็บและการใช้ประโยชน์ มีการวิจัยพัฒนาเพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสาร สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ที่มีความสำคัญต่อการวิจัยและการพัฒนาต่อไป และในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธาน ในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ ของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช2536 ณ โรงแรมบางกอกพาเลส ทรงดำรัสถึงความสำคัญของสารสนเทศ ว่า “ในสังคมปัจจุบันนี้ สารนิเทศได้มีบทบาทต่อการดำเนินงานของทุกสาขาอาชีพ ทั้งในภาครัฐและเอกชน ให้ประสพผลสำเร็จและพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นสื่อที่ก่อให้เกิดความเข้าใจ อันดีระหว่างมวลมนุษย์ทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ ประการสำคัญ คือ เป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ จริยธรรม สังคม วัฒนธรรม การเมือง การปกครอง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ สารนิเทศที่ถูกต้องสมบูรณ์และทันสมัยเท่านั้น ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ” (สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย, 2536) ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าความสำคัญของสารสนเทศมีต่อการทำงานในด้านต่าง ๆ ดังนี้ คือ (ชุติมา สัจจานันท์, 2530)
รัฐบาลต้องการสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ประกอบการวินิจฉัยสั่งการและวางแผนงานเพื่อพัฒนาประเทศ
วงการธุรกิจ สารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินงานประจำวันของโลกธุรกิจ และวงการอาชีพช่วยในการตัดสินใจ การปฏิบัติงานประจำวันการวางแผนการคาดการณ์สำหรับอนาคต
วงการศึกษาและวิจัย สารสนเทศเป็นปัจจัยพื้นฐาน ช่วยพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ และเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเรียนการสอน การค้นคว้าวิจัยของนักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ นักวิชาการและนักวิจัย บุคคลทั่วไปต้องการสารสนเทศเพื่อใช้ในการพัฒนาอาชีพ การศึกษาในเรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจและความบันเทิง เป็นต้น
วงการธุรกิจ สารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินงานประจำวันของโลกธุรกิจ และวงการอาชีพช่วยในการตัดสินใจ การปฏิบัติงานประจำวันการวางแผนการคาดการณ์สำหรับอนาคต
วงการศึกษาและวิจัย สารสนเทศเป็นปัจจัยพื้นฐาน ช่วยพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ และเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเรียนการสอน การค้นคว้าวิจัยของนักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ นักวิชาการและนักวิจัย บุคคลทั่วไปต้องการสารสนเทศเพื่อใช้ในการพัฒนาอาชีพ การศึกษาในเรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจและความบันเทิง เป็นต้น
จะเห็นได้ชัดว่าสารสนเทศเป็นรากฐานสำคัญยิ่งในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน องค์กรของรัฐบาล และเอกชน การศึกษาและการวิจัย แม้แต่กับบุคคลทั่วไป ทั้งนี้สารสนเทศช่วยในการถ่ายทอดวิชาการและเทคโนโลยีจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่ง จากหน่วยงานหนึ่งสู่อีกหน่วยงานหนึ่ง จากประเทศหนึ่งสู่ประเทศหนึ่ง ซึ่งเกิดเป็นแนวคิด แนวทางในการเกิดความรู้ใหม่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
4. ประเภทของสารสนเทศ
การจำแนกประเภทของสารสนเทศได้มีการจำแนกออกเป็น ตามแหล่งสารสนเทศและตามสื่อที่จัดเก็บ ดังนี้ คือ (มาลี ล้ำสกุล, 2549)
1.สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือจัดกระทำกับสารสนเทศ จำแนกได้ดังนี้
1.1 แหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ซึ่งนำไปสู่การยอมรับเป็นทฤษฎีใหม่ที่เชื่อถือได้ สารสนเทศประเภทนี้มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของสิ่งพิมพ์ เช่น วารสาร รายงานการวิจัย รายงานการประชุมมและสัมมนาวิชาการ สิทธิบัตร เอกสารมาตรฐานต่าง ๆ ต้นฉบับตัวเขียน จดหมายเหตุ วิทยานิพนธ์ และการถ่ายทอดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
1.2 แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขป เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ สื่ออ้างอิงประเภทต่าง ๆ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความ รวมถึงหนังสือ ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม พจนานุกรม รายงานสถิติต่าง ๆ ดรรชนีและสาระสังเขป
1.3 แหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) คือ สารสนเทศทีจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศจากแหล่งปฐมภูมและทุติยภูมิ จะไม่ได้ให้เนื้อหาสาระโดยตรง แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จึงได้มีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลไว้ในสื่อคอมพิวเตอร์ มักจะออกนำเผยแพร่ในรูปของ CD-ROM ฐานข้อมูลออฟไลน์
2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามชนิดของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ได้แก่ กระดาษ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อแสง
2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทีก รวมทั้งการเขียนและการพิมพ์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบัน
2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่าง ๆ ทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่น มีการจัดเรียงลำดับเนื้อหาตามต้น เช่น เอกสารจดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญ วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกหรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวกทั้งข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก และดิจิตอล เช่น เทปวีดิทัศน์ เทปบันทึกเสียง ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
2.4 สื่อแสงหรือสื่อออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ เช่น ซีดี-รอม ดีวิดี เป็นต้น ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ
5. คุณสมบัติของสารสนเทศ
ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นว่าสารสนเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชิวิต การบริหารจัดการ และใช้ในการวินิจฉัยสั่งการ รวมทั้งใช้ในการตัดสินใจในการทำงานและดำเนินชีวิต ฉะนั้นเพื่อประโยชน์ในการใช้งานสารสนเทศ จึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของสารสนเทศ ดังนี้ (มาลี ล้ำสกุล, 2549; จีราภรณ์ รักษาแก้ว, 2528; พิมพ์รำไพ เปรมสมิทธ์, 2535)
1) สามารถเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) หมายถึงความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงสารสนเทศ เพื่อนำสารสนเทศไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจ รวมทั้งความรวดเร็วในการสืบค้น
2) มีความถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศที่ดีต้องมีความเที่ยงตรง และเชื่อถือได้ โดยไม่มีความคาดเคลื่อนหรือมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุด ฉะนั้นสารสนเทศที่มีเนื้อหาที่ถูกต้องจึงควรพิสูจน์ได้ หรือระดับความถูกต้องเป็นที่ยอมรับ เช่น สารสนเทศที่ดีต้องไม่นำเอาข้อมูลที่ผิดพลากเข้าสู่ระบบ เพราะเมื่อนำไปประมวลผลแล้วจะทำให้ได้สารสนเทศที่ผิดพลาดตามไปด้วย เป็นต้น
3) มีความครบถ้วน (Completeness) สารสนเทศที่ดีต้องมีความสมบูรณ์ที่จะช่วยในการตัดสินใจเป็นไปด้วยความถูกต้อง เช่นการกำหนดราคาสินค้า หากได้สารสนเทศไม่ครบทุกด้านหรือเพียงขาดไปด้านใดด้านหนึ่งย่อมทำให้การคำนวณต้นทุนผิดพลาด ซึ่งการกำหนดราคาสินค้าก็ผิดพลาดไปด้วย
4) ความเหมาะสม (Appropriateness) พิจารณาถึงการได้รับสารสนเทศตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้หากสารสนเทศที่ได้รับนั้นไม่ตรงกับความต้องการก็ไม่เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะการผลิตสารสนเทศต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
5) ความทันต่อเวลา (Timeliness) สารสนเทศต้องได้มาให้ทันต่อเวลาในการใช้งาน หมายความว่าสารสนเทศต้องมีระยะเวลาสั้น มีความรวดเร็วในการประมวลผล เพื่อผู้ใช้สารสนเทศจะได้รับสารสนเทศได้ทันเวลา
6) ความชัดเจน (Clarity) คือสารสนเทศที่ไม่ต้องมีการตีความ ไม่กำกวม ไม่คลุมเครือ และไม่ต้องหารคำตอบเพิ่มเติม
7) ความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นการนำสารสนเทศไปปรับใช้ได้ในหลายสถานณการณ์ หรือเป็นสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างกว้างขวาง มากกว่าเป็นสารสนเทศที่เฉพาะบุคคล
8) ความสามารถในการพิสูจน์ได้ (Verifiability) โดยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของสารสนเทศว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในการผลิต หมายความว่าสารสนเทศนั้นต้องสามารถพิสูจน์หรอตรวสอบได้ว่าเป็นความจริง
9) ความซ้ำซ้อน (Redundancy) สารสนเทศที่ได้รับนั้น มีความซ้ำซ้อน หรือมีมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ดงนั้นสารสนเทศที่ดีต้องไม่มีความซ้ำซ้อน
10) ความไม่ลำเอียง (Bias) ลักษณะสารสนเทศที่ผลิตขึ้น ไม่มีเจตนาในการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสารสนเทศตามที่ได้กำหนดหรือหาข้อยุติไว้ล่วงหน้า
6. แหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
แหล่งสารสนเทศ หมายถึงแหล่งที่เกิด แหล่งที่ผลิต หรือแหล่งที่จัดเก็บและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ ในรูปแบบที่หลากหลายอย่างเป็นระบบและยังเป็นแหล่งที่ทำการอนุรักษ์ทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีบทบาทหน้าที่ต่อสังคมเพื่อการบริการสารสนเทศและส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าแก่ผู้ต้องการสารสนเทศในระดับต่าง ๆ กัน โดยแบ่งได้ 4 แหล่งดังนี้คือ (รัถพร ซังธาดา, 2541; ชัชวาลย์ ประเสริฐวงษ์, 2544)
1) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบันหมายถึง สถาบันที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ จัดหา รวบรวมวัสดุสารสนเทศชนิดต่าง ๆ มาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้บุคคลมาศึกษาหาความรู้จากวัสดุสารสนเทศเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ห้องสมุด ศูนย์สารสนเทศ สำนักวิทยบริการ พิพิธภัณฑ์ หอจดหมายเหตุ ศูนย์วัฒนธรรม และหอศิลป์ เป็นต้น
2) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ คือ แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่จริง หรือสถานที่จำลอง ซึ่งผู้ใช้สามารถไปศึกษาหารความรู้จากตัวสถานที่เหล่านั้น เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร สวนส้ม ไร่นาสวนผสม ฟาร์มจระเข้ และเมือโบราณ เป็นต้น แหล่งประเภทนี้มีประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง เพราะบุคคลจะได้รับประสบการณ์ตรง ทั้งยังเป็นแหล่งที่เข้าถึงได้ไม่ยากนัก ส่วนข้อด้อยของแหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ คือ สถานที่บางแห่งอยู่ไกล การเดินทางไปสถานที่แห่งนั้นต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนมาก ในกรณีเช่นนี้ ผู้ใช้สารสนเทศอาจเปลี่ยนมาใช้สารสนเทศในรูปแบบของวัสดุตีพิมพ์หรือไม่ตีพิมพ์ ซึ่งมีอยู่ในแหล่งสารสนเทศประเภทสถาบันแทน
3) แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญบางสาขาวิชาจะมีผลงานเป็นสารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สามารถค้นคว้าได้ด้วยตนเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ไม่มีผลงานในลักษณะของวัสดุสารสนเทศ ผู้ต้องการสารสนเทศจากผู้เชี่ยวชาญประเภทหลังนี้ต้องไปพบปะสนทนา หรือสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญนั้นโดยตรงจึงจะได้สารสนเทศที่ต้องการ เช่น นักบวช กวี ศิลปิน นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน นักวิทยาศาสตร์
4) แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์ ได้แก่กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น 14 ตุลา ในปี พ.ศ. 2516 พฤษาทมิฬ ในปี พ.ศ. 2535 เหตุการณ์ 911 หรือ การก่อการร้ายตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 การจัดกิจกรรม งานมหกรรม งานบุญประเพณี หรือการประชุมสัมมนาในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งสารสนเทศในเรื่องนั้น ๆ และจัดเป็นแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ
5) แหล่งสารสนเทมศสื่อมวลชน ซึ่งเป็นแหล่งที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ ที่เป็นเหตุการณ์ ข่าวสาร โดยเน้นความทันสมัยต่อเหตุการณ์ เป็นการถ่ายทอดในรูปของการกระจายเสียง ภาพและตัวอักษรโดยผ่านสื่อประเภทวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
6) แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้เนื่องจากทั้งหน่วยงานของภาครัฐ เอกชน รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้า การค้าขาย และธุรกิจต่าง ๆ ได้มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของหน่วยงานของตนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้อินเทอร์เน็ตมีข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศมากมาย ฉะนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่มีความสำคัญต่อการศึกษาค้นคว้า ทั้งนี้เพราะเป็นแหล่งสารสนเทศขนาดใหญ่มีการนำเสนอข้อมูล ข่าสาร สารสนเทศหลากหลายรูปแบบเช่น สื่อผสม เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่นำมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้เรียน หรือผู้ต้องการสารสนเทศค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น ฐานข้อมูลห้องสมุด วารสารและจดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์ บริการทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ โดยใช้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล การสนทนาทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การบริการเวิลด์ไวด์เว็บ และสังคมออนไลน์ เป็นต้น
7. ทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resources or Information Materials)
ทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุหรือสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ ความรู้ และความคิดต่าง ๆ หรืออาจเรียกว่า วัสดุสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non printed Materials) และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media)
7.1 ประเภทและชนิดของทรัพยากรสารสนเทศ
1) ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) เป็นสารสนเทศที่มีลักษณะเป็นแผ่น หรือรูปเล่มที่ตีพิมพ์ในกระดาษ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมีหลาหหลายรูปแบบ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น เป็นการรับรู้สารสนเทศได้โดยตรงและง่าย ๆ จากทรัพยากรประเภทนี้ จำแนกได้ดังนี้ (บุญถิ่น คิดไร, 2550)
-หนังสือ (Book) คือ สิ่งพิมพ์ที่เป็นรูปเล่ม มีการบันทึกสารสนเทศเป็นเรื่องราวที่ศึกษาค้นคว้า วิจัยหรือคิดสร้างสรรค์ จนได้เนื้อหาละเอียดกว้างขวางลึกซึ้งต่อเนื่อง อาจแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน เป็นบท เป็นเล่ม เป็นชุด จัดขึ้นเมื่อไรก็ได้ตามแต่ความต้องการของผู้จัดพิมพ์ เช่น หนังสือสารคดี ตำรา แบบเรียน วิทยานิพนธ์ ใช้ในการอ่านเพื่อการศึกษาเรียนรู้ และนวนิยาย เรื่องสั้นที่ให้ความบันเทิง จรรโลงใจในการอ่าน
-วารสาร (Periodicals) คือสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Serial) ที่มีวาระการออกที่แน่นอน เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน เป็นต้น โดยมีลักษณะส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งแสดงลักษณะเฉพาะตัว คือ ชื่อวารสาร (Title) ปีที่ (Volume) ฉบับที่ (Number) เดือน ปีที่ออกวารสาร ราคา และเลขมาตรฐานสากลประจำสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (International Standard Serial Number - ISSN) ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ วารสารวิชาการ (Journal) ให้เนื้อหาสารระที่เน้นวิชาการด้านต่าง ๆ ใช้อ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้าในสาขาวิชานั้น ๆ วารสารบันเทิง (Magazine) เนื้อหาสาระส่วนใหญ่จะเน้นวิชาการ และ วารสารเชิงวิพากษ์วิจารณ์ จะเป็นการนำเสนอสรุปข่าวสำคัญ เช่นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และมีบทวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหา ความเป็นมา เบื้องหน้าเบื้องหลัง เหตุการณ์ บุคคล สถานที่ที่เกี่ยวข้อง
ฉะนั้นวารสารจะเป็นทรัพยากรที่ให้สารสนเทศในการค้นคว้าและติดตามเรื่องราว ประเด็นต่าง ๆ ทัศนะความคิดเห็นตลอดจนความรู้ที่ทันสมัย
-หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศรายวัน เป็นการรายงานข่าวเเหตุการณ์ประจำวัน ความเปลี่ยนแปลง ความเป็นไปของสังคมนั้น ๆ ให้เป็นที่ทราบโดยทั่วถึงและรวดเร็วที่สุด นอกจากนั้นแล้วยังมีคอลัมน์ข่าวเชิงวิจารณ์เสนอความคิดชี้ชวน โต้แย้ง หรือวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างหลากหลายกว้างขวางทั้งด้านวิชาการและเรื่องเริงรมย์
-จุลสาร (Pamphlet) เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กที่มีเนื้อหาเฉพาะด้าน อาจจะเป็นกระดาษชิ้นเล็ก ๆ เพียงแผ่นเดียว หรือเป็นแผ่นพับ หรือเป็นรูปเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ หรือเป็นการประชาสัมพันธ์เรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ชุมชน เนื้อหาจะมีความทันสมัยเพียงชั่วเวลาหนึ่ง
-กฤตภาค (Clipping) เป็นสิ่งพิมพ์ที่นำเรื่องราว สารสนเทศที่สำคัญจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือแผ่นพับ นำมาตัดแล้วผนึกลงบนกระดาษแล้วรวบรวมไว้ให้ผู้ช้ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป มีการจัดเก็บใส่แฟ้มแยกเป็นเรื่อง ๆ ด้วยปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัด คัดลอกทั้งเนื้อหาและภาพในสิ่งพิมพ์ใด ๆ ตามต้องการ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถจัดทำและบริการกฤตภาคได้สะดวกรวดเร็ว
2) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non-print Material) คือทรัพยากรสารสนเทศที่มีลักษณะสำคัญ ที่แตกต่างจากทรัพยากรตีพิมพ์ ที่ให้สารสนเทศ ความรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทางหู ตา ด้วยการดูและการฟัง ทำให้สื่อความหมาย เข้าใจง่าย เกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องผู้ใช้สามารถจดจำและเข้าใจเรื่องที่ต้องการศึกษาได้ง่ายกว่าการอ่านหนังสือ มีรูปแบบลักษณะหลากหลายโดยทำจากเนื้อวัตถุสังเคราะห์ เช่นพลาสติกชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แผ่นฟิล์มขนาดต่าง ๆ อาจเป็นเส้นเทปพลาสติกยาวโดยกรอเป็นม้วน อาจจะเป็นแผ่นพลาสติดกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดต่าง ๆ อาจเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ อาจเป็นคลื่นไฟฟ้าหรือคลื่นแสงคลื่นเสียง บันทึกสารสนเทศเป็นสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งตัวอักษร เส้น สี แสง ฉะนั้นการรับรู้สารสนเทศจากทรพยากรประเภทนี้จึงต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์เฉพาะทรัพยากรชนิดนั้น ๆ เพื่อรับรู้สารสนเทศตามความต้องการ ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
-ทัศนวัสดุ (Visual Materials) เป็นทรัพยากรที่ใช้การมองเห็นหรือสัมผัสเพื่อรับรู้สารสนเทศโดยการดู หรืออาจจะดูด้วยตาเปล่า หรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับฉายประกอบ ได้แก่ แผนภูมิ แผนที่ ภาพนิ่ง ภาพเลื่อน รูปภาพ ลูกโลก แผ่นภาพโปร่งใส หุ่นจำลอง ของจริง เป็นต้น
-โสตวัสดุ (Audio Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่รับรู้สารสนเทศด้วยการฟังเสียงเพียงอย่างเดียว ได้แก่ จานเสียงหรือแผ่นเสียง เทปเสียง แผ่นซีดี รายการวิทยุกระจายเสียง เป็นต้น
-โสตทัศนวัสดุ (Audiovisual Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่ให้เสียง และภาพเคลื่อนไหว จึงนับเป็นทรัพยากรที่สื่อสารสนเทศได้ครบถ้วนมาก ได้แก่ ภาพยนตร์ วิดทัศน์ วีซีดี ดีวีดี และรายการโทรทัศน์
3) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials) หมายถึง การจัดเก็บสารสนเทศที่อยู่ในรูปของดิจิทัล (Digital) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง สามารถบันทึกสารสนเทศได้ทั้งที่เป็นตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยจำแนกออกเป็น
-ฐานข้อมูลออฟไลน์ (Offline Database) เป็นสารสนเทศที่สื่อสารกันได้เฉพาะคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเครื่องใดเท่านั้น หากต้องการใช้สารสนเทศข้ามเครื่องจะต้องบันทึก (Copy) สัญญาณดิจิทัลลงในสื่อ เช่น แผ่นดิสก์เก็ต แผ่นซีดี หรือ รีมูฟเอเบิลไดรว์(Removable Drive or Handy Drive or Flash Drive) แล้วจึงนำสื่อนั้นไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ได้
-ฐานข้อมูลออนไลน์ เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีการรวบรวมอย่างป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ โดยผู้ใช้สามารถสืบค้นได้จากระบบเครือข่ายที่จัดให้บริการ รูปแบบที่สารสนเทศที่ให้บริการมีทั้ง ข้อมูลบรรณานุกรมของหนังสือ บทความวาสาร สิ่งพิมพ์อื่น ๆ ข้อมูลสาระสังเขป ข้อมูลตัวเลข สถิติ และเนื้อหาเต็มของสิ่งพิมพ์ ปัจจุบันนี้ระบบที่ใช้กันในชีวิตประจำวันก็คืออินเทอร์เน็ต
บรรณานุกรม
ครรชิต มาลัยวงศ์. (2535). เทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ.
จีราภรณ์ รักษาแก้ว. (2528). สารสนเทศ. ใน เอกสารการสอนชุดวิชาระบบสารสนเทศเพื่อ
การจัดการ (หน้า 57-86). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ชัชวาล วงษ์ประเสริฐ. (2544). การให้บริการสารสนเทศ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาการจัดการสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต.
ชุติมา สัจจานันท์. (2530). สารนิเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ชุมพล ศฤงคารศิริ. (2538). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ป.สัมพันธ์พานิช.
ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์. (2545). ระบบการสนเทศเพื่อการจัดการ ( Management Information System ). กรุงเทพฯ: เอส แอน จี กราฟฟิก.
บุญถิ่น คิดไร. (2550). สารสนเทศ ทรัพยากรสารสนเทศ และแหล่งสารสนเทศ. ใน ณรงค์ ป้อมบุบผา (บรรณาธิการ), เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (หน้า 9-14). มหาสารคาม: สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ประภาวดี สืบสนธิ์. (2543). สารสนเทศในบริบทสังคม (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย.
พิมพ์รำไพ เปรมสมิทธ์. (2538). แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดเก็บสารสนเทศ. โดมทัศน์, 16 (1), 59-66.
มาลี ล้ำสกุล. (2549). สารสนเทศและสารสนเทศศาสตร์. ใน เอกสารการสอนชุดสารสนเทศศาสตร์เบื้องต้น (หน้า 5-27). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
รัถพร ซังธาดา. (2541). สารนิเทศและการศึกษาค้นคว้า. มหาสารคาม: ภาควิชาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย. (2536, 26-29 ตุลาคม 2536 ). การประชุมวิชาการประจำปีของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ เรื่องบริการสารนิเทศ : สนองความต้องการของผู้ใช้จริงหรือ = Information service : meeting the needs of the users?Paper presented at the การประชุมวิชาการประจำปีของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ, ณ โรงแรมบางกอกพาเลส กรุงเทพมหานคร.
แบบฝึกหัด
บทที่ 1 (กิจกรรม1) กลุ่มที่เรียน..........
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ -สกุล..............................................................................................................รหัส................................
จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ
1.ข้อมูลหมายถึง.........................................................................................................................................
2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ ....................................................................................................................................
ยกตัวอย่างประกอบ....................................................................................................................................
3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ ....................................................................................................................................
ยกตัวอย่างประกอบ....................................................................................................................................
4.สารสนเทศหมายถึง.................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ............................................................
7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น..............................................................................................................
8.ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น ......................................................................................
9.ผลของการลงทะเบียนเป็น .....................................................................................................................
10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวันSectionวันอังคารเป็น..............................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น